เคยได้ยินกันไหมว่า นอกเหนือจากการลงทุนกับหุ้น ทอง หรืออสังหาริมทรัพย์ ก็ยังมีกระเป๋าแบรนด์เนมนี่แหละที่น่าทุ่มเงินให้สุด ๆ ซึ่งเชื่อว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นงานถนัดของสาว ๆ หรือหนุ่ม ๆ สายแฟชันนิสต้า ที่นอกจากจะได้ซื้อไอเทมสวย ๆ ไว้ใช้งานตามประสาคนคูล ๆ แล้ว เมื่อเวลาผ่านไปยังสามารถนำไปขายต่อในตลาดมือสอง ด้วยราคาที่สูงกว่าราคาซื้อมาอีกด้วยนะ
ว่าแต่ถ้าจะลงทุนกับกระเป๋า ควรจะซื้อใบไหนดีล่ะ ?
ไม่ต้องกังวลไป เพราะวันนี้ Samurai Sim จะมาแนะนำกระเป๋าแบรนด์เนม 5 ใบที่คนกำลังมองหา Invesment รูปแบบใหม่ควรมีไว้ในครอบครอง จะซื้อมาใช้งานเองก็เก๋ หรือจะเก็บไว้รอเก็งกำไรเฉย ๆ ก็กู้ด !
Bottega Veneta Medium Cassette Crossbody Bag
แบรนด์ไอเทมเครื่องหนังคุณภาพสูงจากแคว้น Veneto อิตาลี ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1966 ปัจจุบันอายุแบรนด์ก็เกือบจะย่างเข้า 60 ปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จุดเด่นของ Bottega Veneta คืองานที่ให้กลิ่นอายของความ Quiet Luxury หรือความหรูหราแต่เรียบง่าย และเทคนิกการสานแผ่นหนังที่เรียกว่า “ Intrecciato ” ที่ปัจจุบันกลายมาเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ ชนิดที่สายแฟชันและแบรนด์เนมต้องร้องอ๋อทันทีที่ได้เห็น ทำให้สินค้าของแบรนด์มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร จะหิ้วออกงานไหนก็ดูคลาสสิก ดูตัวอย่างจากเจ้ากระเป๋า ottega Venega Medium Cassette Crossbody Bag กระเป๋ารุ่นดัง หนึ่งในไอคอนิกที่ประสบความสำเร็จสุด ๆ ของแบรนด์นี่ได้เลย
- ปีที่เปิดตัว : 2019
- ราคาเปิดตัว : $1900 – 2200 (64,000 – 75,000THB)
- เปอร์เซนต์เพิ่มของราคาขายต่อ : +82%
Chanel Classic Double Flap in Caviar
หนึ่งในชื่อแบรนด์เนมในตำนานตลอดกาล อันเป็น “Timeless Classic” ความเก่าแก่ที่ทั้งแพงทั้งมีค่า ซึ่งสาว ๆ ใฝ่ฝันอยากจะได้มาไว้ในครอบครองสักไอเทม
แบรนด์นี้ถือกำเนิดขึ้นช่วงปี 1913 โดย Coco Chanel ดีไซเนอร์และนักธุรกิจหญิงระดับตำนานแห่งฝรั่งเศสและโลก โดยเน้นดีไซน์สำหรับผู้หญิง ทั้งชุดกีฬา ชุดทำงาน ชุดลำลอง รวมทั้ง Accessories ต่าง ๆ อย่างหมวก กระเป๋า เครื่องประดับ ผ้าพันคอ น้ำหอม ภายใต้ความเรียบง่าย แต่คงความหรูหรา ดูดี และเอื้อความสะดวกให้กับผู้หญิงในการใช้ชีวิตประจำวัน (แถมยังเป็นแบรนด์แรก ๆ ที่ดีไซน์เสื้อผ้าให้ผู้หญิงเป็นกางเกงแทนกระโปรงด้วยนะ !)
Chanel คือแบรนด์ที่ทำให้กระเป๋าแบบสายสะพายเป็นที่นิยมแพร่หลายในช่วงปี 50 – 60’s จากกระเป๋า Chanel รุ่น 2.55 และ Chanel Classic Double Flap in Caviar ที่เรากำลังจะกล่าวถึงนี้ก็ยังคงคอนเซ็ปต์ตามตำราดีไซน์ของแบรนด์ไว้อย่างครบถ้วน ทั้งในแง่ความเรียบหรูคลาสสิก และกลิ่นอายความเป็น Chanel แบบตะโกน ! แบบนี้แล้วจะพลาดไปได้ยังไงกันถูกมั้ย
- ปีที่เปิดตัว : 2012
- ราคาเปิดตัว : $4,400 (150,000THB)
- เปอร์เซนต์เพิ่มของราคาขายต่อ : +104.5%
Prada 2000 Hobo Re-Edition
ถ้าพูดถึงแบรนด์ชื่อดังที่ปฏิวัติมาแล้วทุกวงการแฟชั่น จะพลาดแบรนด์สุดชิค สัญชาติอิตาลีอย่าง Prada ไปไม่ได้เด็ดขาด
แบรนด์อันเป็นตำนานของวงการแฟชันแบรนด์นี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากเมืองมิลาน ประเทศอิตาลีในปี 1913 โดย Mario Prada ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นบริษัทนำเข้าเครื่องหนัง กระเป๋าเดินทาง คุณภาพเยี่ยมจากประเทศอังกฤษ ก่อนจะขยายมาทำงานดีไซน์เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้บรรดาชนชั้นสูงในยุโรป รวมไปถึงกระเป๋า รองเท้า และเครื่องหนัง ก่อนจะส่งต่อแบรนด์มาถึง Miuccia Prada ทายาทรุ่นที่ 3 ผู้ปฏิวัติวงการแฟชัน และไอคอนิกที่ทำให้ Prada เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
สไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Prada คือความเป็น Ugly Chic หรือ Bad taste fashion ที่เริ่มต้นสร้างความเปลี่ยนแปลงนี้ในคอลเลกชั่น Spring/Summer 1996 เมื่อ Muccia ได้เลือกใช้สีเอิร์ธโทน ไม่ว่าจะเป็นสี เขียวมะกอก น้ำตาลในเฉดต่าง ๆ ซึ่งเป็นสีที่วงการแฟชั่นแทบไม่หยิบนำมาใช้ ณ ตอนนั้น ถือเป็นการเล่นกับความ abstract และความงามที่ไม่เดินตามกรอบมาตรฐานทั่วไป จนกลายมาเป็นจุดขายของแบรนด์ทุกวันนี้ โดยที่ดีไซน์ลักษณะนี้ยังถูกนำมาปรับประยุกต์กับสินค้าในทุกประเภทของ Prada จนกลายเป็นภาพจำ รวมไปถึง Prada 2000 Hobo ที่เรากล่าวถึงนี้ด้วย
- ปีที่เปิดตัว : 2000
- ราคาเปิดตัว : $990 (30,300THB)
- เปอร์เซนต์เพิ่มของราคาขายต่อ : +110%
Goyard Plumet Crossbody
แบรนด์สัญชาติฝรั่งเศสที่โดดเด่นด้วยโลโก้รูปม้าและรถม้าที่อยู่บนถุงและกล่องสีส้ม ที่สาวกแบรนด์เนมไม่มีใครไม่รู้จัก
Hermès เริ่มต้นจากการก่อตั้งเวิร์คช็อป เครื่องเทียมม้าที่กรุงปารีสเมื่อปลายยุค 1800 เพื่อลูกค้าชนชั้นสูงโดยเฉพาะ งานฝีมือสุดบรรจง โดยมีกระเป๋าสุดไอคอนิค 2 รุ่นของแบรนด์ คือ ‘Hermès Birkin’ และ ‘Hermès Kelly’ ที่ตั้งชื่อตาม Jane Birkin และ Grace Kelly เป็นตัวชูโรง ซึ่งจุดเด่นของแบรนด์ ที่ทำให้หลายคนต้องการครอบครองคือความประณีตและใส่ใจในทุกรายละเอียด เนื่องจากกระเป๋าทุกใบจะตัดเย็บโดยช่างฝีมือ ที่คัดเลือกและอบรมเป็นอย่างดี รวมถึงหากกระเป๋าที่ลูกค้าซื้อไปเกิดปัญหา ชำรุด ทางแบรนด์จะให้ช่างคนเดิม ที่เป็นผู้ผลิตกระเป๋าใบนั้น เป็นคนซ่อมให้ลูกค้าด้วยตนเอง ด้วยประสบการณ์และสตอรีที่มอบให้ลูกค้าแบบนี้ เรียกได้ว่าสำหรับแบรนด์เนมยี่ห้อนี้ บางทีแค่มีเงินก็เข้าถึงไม่ได้นะ
- ปีที่เปิดตัว : 1957
- ราคาเปิดตัว : $10,000 341,000thb
- เปอร์เซนต์เพิ่มของราคาขายต่อ : +212.5%
Tips : ทำยังไงให้เอากระเป๋ามาขายต่อได้ในราคาดี
ก่อนอื่น มักมีปัจจัยบางประการ ที่ทำให้กระเป๋าบางใบมีมูลค่าขายมือสองสูงกว่าราคาวางขายในช็อป อย่างแรกคือปัจจัยด้านอุปสงค์ – อุปทาน หรือก็คือความต้องการในตลาดที่สวนทางกับความหายากง่าย เช่น Hermes ที่มีขั้นตอนในการสกรีนลูกค้าสำหรับสินค้าบางรายการ ทำให้บางทีเพียงมีเงินอย่างเดียวก็ใช่ว่าจะเอื้อมถึงได้ง่าย ๆ
ส่วนอย่างที่สอง คืออัตราการเพิ่มขึ้นของมูลค่าราคากระเป๋าบางใบ ซึ่งอาจจะต้องจับทิศทาง กระแส และจำนวนการผลิตของกระเป๋าแต่ละรุ่นก่อนด้วย เพราะฉะนั้น บางทีหากซื้อกระเป๋าบางรุ่น บางแบรนด์มากลับมาก่อนที่ราคาจะสูงขึ้น ในปีถัดมาอาจมีโอกาสที่จะขายต่อได้ในราคาที่สูงขึ้นกว่าหลายเท่าตัว
และสำหรับวิธีการที่จะทำให้กระเป๋ามีมูลค่าขายต่อที่สูงยิ่งขึ้น ขอแนะนำให้ทำตาม 3 วิธีการนี้ให้ดี เพียงเท่านี้ช่วยให้เก็งกำไรได้สูงยิ่งขึ้นไปอีกแล้ว
- เก็บกระเป๋าในสภาพแวดล้อมที่ดีและใช้ถุงเก็บฝุ่น
- ซื้อกระเป๋าสีกลางๆ เช่น ดำ ครีม หรือขาว เพราะจะเป็นที่นิยมและขายได้กำไรกว่ากระเป๋าสีฉูดฉาด
- ใช้งานกระเป๋าด้วยความระมัดระวัง เช่นไม่ให้โดนน้ำ ไม่ให้ตก หรือไม่ให้มีรอยเปื้อน
และสำหรับบรรดาแฟชันนิสต้าที่ได้อ่านบทความนี้ของเรา และกำลังคิดวางแผนไปหิ้วกระเป๋าแบรนด์ลักชูเหล่านี้ถึงประเทศต้นกำเนิดเพื่อความปัง เราขอแนะนำให้พกพาอินเทอร์เน็ตสำหรับใช้งานต่างประเทศของ Samurai Sim ไปใช้งานด้วย มีทั้งรูปแบบซิมการ์ดและ eSIM ด้วยดาต้าจัดเต็มไม่กั๊ก ใช้งานง่าย พกพาสะดวก ไม่มีอุปกรณ์มากมายให้รู้สึกรุงรัง หรือจะสบายใจกับ Pocket WiFi บริการยอดนิยมของเราก็มีให้บริการ รับรองว่าสัญญาณชัดโดนใจ จะไปประเทศไหนก็ไร้กังวล
