เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่เคยเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะเพื่อการท่องเที่ยว เรียน หรือทำงาน จะต้องพบหนึ่งปัญหาที่กวนใจให้ต้องกังวลตลอดทริป คือปัญหาเรื่อง ”เน็ตรั่ว” หรือกรณีที่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตเกินกว่าแพ็กเกจอย่างไม่ตั้งใจ กระทั่งเกิดยอดสูงลิ่วในบิลค่าอินเทอร์เน็ตชวนให้ลมจับ ที่ส่วนมากสร้างค่าใช้จ่ายบานปลายให้ในระดับต่ำ ๆ คือหลักพัน หรืออาจทะยานไปถึงหลักแสนได้หากไม่รู้ตัว ซึ่งเชื่อว่าทุกคนคงไม่อยากพะวงจนไม่กล้าเปิดใช้งานโทรศัพท์ เพราะกลัวตัวเองจะก่อหนี้หลักแสนโดยชั่วพริบตาไปกับเรื่องนี้หรอกใช่ไหม ?
เพราะฉะนั้น วันนี้ Samurai WiFi ขอถือโอกาสนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าปัญหาเน็ตรั่วชวนหวั่นใจ พร้อมเสนอวิธีแก้ไขปัญหาให้แบบเสร็จสรรพ เพื่อการใช้งานอินเทอร์เน็ตต่างประเทศที่ลื่นไหลไม่มีสะดุด ไม่ว่าจะทริปใด ประเทศไหนก็หมดกังวลได้แบบ 100%
สาเหตุที่ทำให้เกิดเน็ตรั่ว
ก่อนอื่น ต้องมาเข้าใจหลักการของการใช้งานอินเทอร์เน็ตต่างประเทศก่อน
การเชื่อมต่อและใช้งานอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศ จะเป็นในลักษณะที่ไม่ต่างกันกับการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยเรามากนัก คือรูปแบบ WiFi และการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายสัญญาณไร้สายในโทรศัพท์มือถือ ทั้งสัญญาณ 3G/4G/5G หรือ EDGE ที่เป็นเครือข่ายซึ่งแพร่หลายก่อนหน้าการมาถึงของยุค 3G โดยกรณีการใช้งาน WiFi อาจสามารถหาพบได้ตามสถานที่สาธารณะ ร้านค้า หรือจุดให้บริการทั่วไป รวมไปถึงการกระจายสัญญาณจาก Pocket WiFi ซึ่งสามารถหาเช่าใช้งานได้ตามสะดวก แต่สำหรับการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ จะต้องอาศัยการเปิด Data Roaming จากเครือข่ายมือถือ หรือการซื้อซิมการ์ด และ eSIM จากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตต่างประเทศโดยเฉพาะ
และต้นเหตุของเน็ตรั่วที่พบเจอได้ง่ายสุด ๆ แต่พบทีแล้วแทบจะล้มทั้งยืน ก็คือวิธีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายมือถือนี่แหละ
หากอ้างอิงจากการเปิดใช้งานอินเทอร์เน็ตในไทย กรณีที่ใช้งาน 3G/4G/5G ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ โดยไม่ได้สมัครแพ็กเกจไว้ก่อน หรือเมื่อแพ็กเกจหมดแต่ยังมีการเปิดใช้งานอินเทอร์เน็ตต่อ อัตราค่าอินเทอร์เน็ตจะถูกเรียกเก็บตามการใช้งานจริง ยกตัวอย่างเช่น หากใช้งานอินเทอร์เน็ต 100GB โดยการซื้อแพ็กเกจ ค่าใช้จ่ายต่อแพ็กเกจอาจตกอยู่ที่ 30 บาท แต่หากใช้งานโดยไม่ได้ซื้อแพ็กเกจไว้ ค่าอินเทอร์เน็ตอาจตกอยู่ที่ 100 – 200 บาท หรือมากกว่า ซึ่งการใช้งาน 3G/4G/5G ในต่างประเทศก็เป็นไปในลักษณะเดียวกัน หากแต่ที่น่ากลัวมากกว่านั้น คือการเปิดใช้งาน 3G/4G/5G ในต่างประเทศ ผ่าน Data Roaming (วิธีการเปิดใช้งานอินเทอร์เน็ตข้ามเครือข่าย ในพื้นที่ที่สัญญาณเครือข่ายหลักไม่สามารถส่งถึงได้ โดยอาศัยเครือข่ายอื่น ๆ เป็นสื่อกลางในการเชื่อมต่อแทน) จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่วกว่ากันมากเป็นเท่าตัว
(นอกจากนี้ โดยปกติแล้ว ปัญหาเรื่องเน็ตรั่วจะพบได้ในผู้ใช้งาน iOS มากเป็นอันดับต้น ๆ เนื่องจากเป็นแบรนด์โทรศัพท์ที่เน้นฟังก์ชันให้สามารถจับสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้โดยอัตโนมัติ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถอัพเดตข่าวสารได้สะดวกรวดเร็วตลอดเวลา เพราะฉะนั้นผู้ใช้งานมือถือกลุ่มนี้อาจจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษหน่อยนะ)
วิธีแก้ปัญหาเน็ตรั่ว ป้องกันบิลค่าโทรศัพท์ยาวเป็นหางว่าว
จากที่เรากล่าวไปทั้งหมดข้างต้น ขอสรุปวิธีแก้ปัญหาง่าย ๆ ให้ได้ทำตามกัน ดังนี้
- กรณีใช้งานผ่าน Data Roaming :
ในอดีต หลายคนมักมองว่าเป็นวิธีที่สะดวกกว่า เพราะไม่ต้องการหาซื้อซิมอินเทอร์เน็ตอื่น ๆ หรือเช่า Pocket WiFi แต่ ! ถ้าหากจะใช้งาน Data Roaming สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างยิ่งในแบบที่ห้ามลืมเด็ดขาด คือการสมัครแพ็กเกจ Data Roaming จากไทยก่อนเดินทาง โดยสามารถติดต่อ Call Center หรือศูนย์บริการ ของค่ายผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือที่ท่านใช้งานอยู่ เพื่อรับคำแนะนำแพ็กเกจ พร้อมค่าบริการเพื่อประกอบการตัดสินใจ
ทั้งนี้ ก่อนออกเดินทาง อย่าลืมศึกษาวิธีการเปิดปิดบริการข้ามแดนอัตโนมัติให้ดี รวมไปถึงควรศึกษาด้วยว่าเครือข่ายที่เราใช้งานอยู่ สามารถใช้งาน Roaming กับเครือข่ายใดในต่างประเทศได้บ้าง เพราะหากเลือกผิด อาจทำให้แพ็กเกจ Roaming ที่สมัครไว้ใช้งานไม่ได้ หรือหากใช้งานได้ก็เสี่ยงต้องเจอค่าบริการสุดโหดหิน รวมถึงเมื่อบินกลับมาที่ไทยแล้ว ก็อย่าลืมเลือกเครือข่ายกลับมาใช้เครือข่ายของไทย เพื่อป้องกันเน็ตรั่วไม่รู้ตัวด้วยนะ
นอกจากนี้ แพ็กเกจ Data Roaming จะไม่สามารถใช้งานได้ หรืออาจมีการเรียกเก็บค่าอินเทอร์เน็ตนอกแพ็กเกจ กรณีใช้งานอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ที่ไม่ใช่ภาคพื้นดิน เช่นบนเรือ ทะเล หรือเครื่องบิน ฉะนั้นแล้วต้องระวังจุดนี้ให้ดี ๆ ด้วยเช่นกัน
รวมไปถึงอีกเรื่องที่ต้องคอยเช็กเป็นพิเศษ คือถึงแม้จะซื้อแพ็กเกจแล้วก็ตาม แต่ถ้าใช้เน็ตครบตามกำหนดความเร็วแล้ว หากจะใช้งานอินเทอร์เน็ตต่อไป ก็จะถูกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่สมัครแพ็กเกจอยู่ดี บอกเลยว่าถ้าเห็นค่าโทรศัพท์ที่ตามมาแล้วจะต้องมีหนาว
หรือถ้าจะไม่ใช้ Data Roaming ก็สามารถโทรไปสั่งปิดผ่านทาง Call Center หรือจุดให้บริการของเครือข่ายได้ และเพื่อป้องกันปัญหาค่าบริการ Roaming รั่ว ผู้ใช้งานจะต้องปิดการเชื่อมต่อแบบ Data ทันที หรือเมื่อบินไปต่างประเทศ ก็ให้เปิดโหมดเครื่องบิน Airplane ไว้ และใช้เน็ตผ่าน WiFi แทน แต่จะมีข้อจำกัด คือไม่สามารถโทรออกผ่านสายโทรศัพท์ได้นะ - กรณีใช้งานผ่านช่องทางอื่นที่ไม่ใช่ Data Roaming
วิธีนี้จะดีกว่ากันมาก ๆ เนื่องจากข้อดีคือสามารถคุมค่าอินเทอร์เน็ตได้แบบ 100% ไม่ต้องนั่งลุ้นว่าเน็ตจะรั่วจนค่าบิลค่าโทรศัพท์บานปลายหรือไม่ แถมยังสามารถเลือกปริมาณอินเทอร์เน็ตให้ตอบโจทย์การใช้งานได้ง่ายอีกด้วย
บริการหลัก ๆ สำหรับการใช้งานต่างประเทศจะมีดังนี้
– Pocket WiFi เป็นรูปแบบอินเทอร์เน็ตประเภท WiFi ซึ่งเป็นการกระจายผ่านเครื่องกระจายสัญญาณขนาดพกพา เหมาะอย่างมากสำหรับคนที่ต้องการความเสถียรและรวดเร็วขณะใช้งาน เช่น ใช้ในการอัปโหลดไฟล์งาน ภาพ วิดีโอ หรือใช้เพื่อวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ รวมไปถึงการเดินทางที่ไปเป็นกลุ่ม เนื่องจากสามารถแชร์สัญญาณให้หลาย ๆ อุปกรณ์พร้อมกันได้
– ซิมการ์ดอินเทอร์เน็ต เป็นซิมการ์ดที่หน้าตาเหมือนซิมโทรศัพท์ทั่วไป แต่มีไว้สำหรับใช้งานอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถหาซื้อได้ทั้งในสนามบิน หรือสั่งซื้อผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยข้อดีคือไม่ต้องพกพาอุปกรณ์ให้ยุ่งยาก ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี และส่งคืนเครื่องหลังใช้งานเสร็จเหมือนการใช้งาน Pocket WiFi
– eSIM หลักการใช้งานจะไม่ต่างจากซิมการ์ดปกติมาก เพียงแต่การติดตั้งจะเป็นการใช้รหัส หรือ QR Code แทนการใส่ซิมการ์ดในเครื่อง ข้อดีของ eSIM คือไม่มีอุปกรณ์ เนื่องจากสามารถรับโค้ดติดตั้งได้ผ่านทางอีเมลโดยตรง แต่สามารถใช้งานแบบการใช้ซิมการ์ดได้ทุกประการ
นอกจากนี้ สำหรับบางท่านที่หวังพึ่งใช้งาน Free WiFi จากจุดให้บริการสาธารณะ หรือโรงแรมที่พัก แม้ว่าในหลายประเทศจะมีจุดกระจายสัญญาณเยอะมากขึ้น แต่ข้อเสียคือ นอกจากจะทุลักทุเลแล้ว การใช้งานอินเทอร์เน็ตอาจขาดช่วงหากต้องเดินทางนอกพื้นที่ที่มี WiFi ให้บริการ รวมถึงยังมีความปลอดภัยต่ำ เนื่องจากเป็น WiFi สาธารณะ อาจเอื้อให้มิจฉาชีพเข้ามาขโมยข้อมูลส่วนตัวที่บันทึกในอุปกรณ์ของเราได้
ดังนั้น หากต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศให้ปลอดภัย ไม่ต้องเจอภาวะเน็ตรั่วพร้อมยอดค่าใช้จ่ายสูงลิบ จึงขอแนะนำให้ใช้งาน Pocket WiFi, ซิมการ์ด และ eSIM สำหรับใช้งานอินเทอร์เน็ตต่างประเทศ โดยเฉพาะซิมการ์ดและ eSIM จะดีที่สุด
แล้วจะใช้งานซิมการ์ดกับ eSIM ของที่ไหนดีล่ะ
ในปัจจุบันนี้ มีผู้ให้บริการซิมการ์ดและ eSIM อินเทอร์เน็ตต่างประเทศอยู่มากมายหลายเจ้า ซึ่งอาจแตกต่างกันบ้างตามลักษณะแพ็กเกจ ความเร็ว และพื้นที่ที่ครอบคลุม ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของผู้บริการแต่ละเจ้าด้วย
แต่ถ้าหากต้องการซิมการ์ดและ eSIM อินเทอร์เน็ต ด้วยความเร็วเสถียร และดาต้าจัดเต็มที่คุณเลือกได้ ขอแนะนำบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจาก Samurai Sim ตัดปัญหาใช้เน็ตทะลุลิมิตจนเกิดปัญหาเน็ตรั่ว ให้บริการสูงสุด 6 ทวีป 129 ประเทศ หรือจะเป็น Pocket WiFi ก็มีให้บริการ หากสนใจสามารถติดต่อได้ตามช่องทางของ Samurai ได้เลย